ช่อง 3 เปิดตัวละครใหม่ที่ HONG KONG FILMART 2023

บมจ. บีอีซี เวิลด์ กับความสำเร็จในการเปิดตัวคอนเทนต์ละคร ในงาน Hong Kong International Film & TV Market หรือ FILMART 2023 ซึ่งเป็นงานอีเวนท์สำหรับอุตสาหกรรมบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (Hong Kong Trade Development Council: HKTDC) เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจสำหรับอุตสาหกรรมบันเทิงจากทั่วโลก ที่จะได้เข้าร่วมพบปะแลกเปลี่ยนความรู้ และอัพเดทความคืบหน้าในด้านต่าง ๆ ของอุตสาหกรรม โดยมีทั้งผู้ผลิตคอนเทนต์ ผู้จัดจำหน่ายคอนเทนต์ และแพลตฟอร์มต่าง ๆ เข้าร่วมงานอย่างหนาแน่น ซึ่งนอกจากการซื้อขายคอนเทนต์ แล้วยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมบันเทิงจากทั่วโลกอีกด้วย
งาน FLIMART 2023 เป็นการกลับมาจัดงานแบบเต็มรูปแบบอีกครั้ง หลังจากที่มีการจัดในรูปแบบออนไลน์มา 3 ปีเต็มในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19 โดยงานครั้งนี้ยังจัดในช่วงเวลาที่ประเทศจีนได้กลับมาเปิดประเทศอย่างเต็มที่อีกครั้ง จึงมีผู้ประกอบการธุรกิจภาพยนตร์ บริษัทผู้ผลิต บริษัทจัดจำหน่าย และแพลทฟอร์มต่าง ๆ ทั้งในและนอกเอเชียตอบรับเข้าร่วมเปิดบูธในงานมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมีจำนวนกว่า 700 บูธ จาก 30 ประเทศ โดยมาจากประเทศจีนมากกว่า 330 ราย ทั้งจาก ปักกิ่ง, เซี่ยงไฮ้, หูหนาน ส่วนประเทศอื่น ๆ อาทิ เกาหลี, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, สิงคโปร์, ฝรั่งเศส, อิตาลี และ ประเทศไทย เป็นต้น

โดยมีผู้เข้าร่วมงานปีนี้มากกว่า 8,000 คน ในส่วนของประเทศไทย มีการจัดเป็น Thai Pavilion ซึ่งรวบรวมผู้ประกอบการไทยไว้ด้วยกัน ซึ่ง Thai Pavilion ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ 3 แห่ง คือ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงพาณิชย์ โดยได้รับความสนใจจากคู่ค้าต่างประเทศเป็นจำนวนมาก
สำหรับ บีอีซี เวิลด์ ได้มีการเปิดบูธของตัวเองเป็นครั้งแรกเพื่อนำเสนอคอนเทนต์ละครช่อง 3 ไปยังต่างประเทศให้ได้เต็มที่มากขึ้น โดยนอกจากการจัดจำหน่ายไปยังประเทศที่เป็นลูกค้าเดิมที่มีฐานผู้ชมละครของ ช่อง 3 อยู่แล้ว ยังมีเป้าหมายในการบุกขยายตลาดในประเทศใหม่ ๆ เพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งละครที่ช่อง 3 ได้นำไปเสนอยังตลาดสากลครั้งนี้ ได้แก่ “พรหมลิขิต” (Love Destiny 2) ที่ผู้ชมในหลายประเทศรอคอยมานาน เพราะเป็นภาคต่อจากเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” ผลงานของสองพระนาง “โป๊ป ธนวรรธน์” และ “เบลล่า ราณี” ที่ได้รับความนิยมสูงมากใน 20 กว่าประเทศทั่วโลก, “หมอหลวง” (Royal Doctor) ละครย้อนยุคที่ให้ทั้งความสนุก ความรู้ ความภูมิใจ ในเรื่องแพทย์แผนไทยโบราณ ผลงานของสองพระนางคู่เคมี “มาริโอ้ เมาเร่อ” และ “คิมเบอร์ลี่” ที่กลับมาร่วมงานด้วยกันอีกครั้ง, “แค้น” (Nobody’s Happy If I’m Not) ละครดราม่าที่รวมดารามืออาชีพชั้นแนวหน้าอย่าง “แอฟ ทักษอร” “แต้ว ณฐพร” และ “นาย ณภัทร” มาพลิกบทบาทที่ไม่เคยเห็นมาก่อน, “สืบลับหมอระบาด” (Doctor Detective) ที่นำ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ประกบคู่ “คิมเบอร์ลี่”, “จนกว่าจะได้รักกัน” (Love at First Night) ละครโรแมนติกคอมเมดี้ที่ได้ “หมาก ปริญ” และ “ญาญ่า อุรัสยา” มาสร้างบทบาทใหม่ที่ต่างไปจากละครที่ผ่านมา, “มาตาลดา” (To the Moon and Back) ละครสะท้อนสังคมยุคใหม่ในปัจจุบันที่มีการเปิดรับเพศทางเลือกมากขึ้น นำแสดงโดย “เจมส์ จิรายุ” และ “เต้ย จรินทร์พร”, “นางนาค” (The Legend of Nang Nak) ละครแนวสยองขวัญจากตำนานผีสุดคลาสสิคของไทยที่ได้ “จ๊อบ ธัชพล” มาประกบ “ยิหวา ปรียากานต์” เป็นครั้งแรก และ “กรงดอกสร้อย” (Love in a Cage) ละครแนวพีเรียดดราม่าเนื้อหาเข้มข้นที่นำ “ภณ ณวัสน์ ประกบนางเอกน้องใหม่ช่อง 3 “ญดา นริลญา” นอกจากนี้ยังได้นำละครชุดที่กำลังถ่ายทำ เรื่อง “ดวงใจเทวพรหม” ทั้ง 5 เรื่อง ไปเปิดตัวเรียกความสนใจเป็นครั้งแรกในงานนี้ด้วย
บีอีซี เวิลด์ ได้รับเชิญขึ้นเวทีเสวนาเป็นตัวแทนประเทศไทย ร่วมกับ CJ ENM จากประเทศเกาหลี และ ZEE Entertainment จากประเทศอินเดีย ในหัวข้อ The Asian Wave in 2023 and Beyond โดย “คุณศิรวิศร์ วินธนาพิศุทธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สำนักธุรกิจระหว่างประเทศ” โดยได้นำเสนอ Showreel ทั้งละครใหม่และละครที่เคยออกอากาศไปแล้วของ ช่อง 3 และร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเทรนด์ของละครเอเชีย โดย “คุณศิรวิศร์” ได้กล่าวถึงการไปร่วมงานครั้งนี้ว่า “งาน FLIMART 2023 นี้ บีอีซี เวิลด์ ได้เปิดบูธของตัวเองเป็นครั้งแรก เพื่อนำเสนอคอนเทนต์ละครช่อง 3 ให้กับผู้ซื้อคอนเทนต์ทั้งในและต่างประเทศ โดยนอกจากจะนำเสนอขายคอนเทนต์ให้กับคู่ค้าทั้งรายเก่าที่คุ้นเคย และคู่ค้าใหม่ในแพลตฟอร์มใหม่ ๆ จากประเทศใหม่ ๆ อีกด้วย โดยคู่ค้าของเรามาจากหลายประเทศทั่วโลก ทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทวีปแอฟริกา และทวีปอเมริกาใต้ โดยการออกบูธในครั้งนี้ ทำให้ละครของช่อง 3 ได้รับความสนใจเกินความคาดหมาย ผมเชื่อมั่นว่าละครช่อง 3 จะเป็นที่นิยมมากขึ้นในตลาดต่างประเทศต่อไป