กลุ่มดาวเทียม/เคเบิล ชี้แจง
การเรียงช่องทีวี ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน
จากกรณีกลุ่มโครงข่ายดาวเทียมและโครงข่ายเคเบิลทีวี ได้ฟ้องศาลปกครอง กรณี กสทช. ออกกฎหมายมาบังคับให้ ทุกโครงข่ายจะต้องจัดเรียงตำแหน่งช่อง 36 ช่องแรก ให้เหมือนกับโครงข่ายดิจิตอลทีวีนั้น ทางกลุ่มโครงข่ายดาวเทียม และ โครงข่ายเคเบิลทีวี ไม่เห็นด้วย เพราะ เป็นการออกกฎหมายเพื่อยึดเอาตำแหน่งช่อง 1-36 บนโครงข่ายดาวเทียม และ โครงข่ายเคเบิลทีวี ไปให้กลุ่มช่องดิจิตอลทีวี ได้ใช้ประโยชน์แต่เพียงฝ่ายเดียว โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการลงทุนสร้างโครงข่ายเพิ่มเติม เหมือนผู้ให้บริการรายอื่นๆ
กลุ่มโครงข่ายดาวเทียม และ โครงข่ายเคเบิลทีวี ได้ชี้แจงว่า ในกลุ่มโครงข่ายฯ มีผู้ให้บริการรวมกันกว่า 350 ราย เป็นผู้ลงทุนสร้างโครงข่ายดาวเทียม และ โครงข่ายเคเบิลทีวี ด้วยเงินลงทุนของตนเอง มูลค่านับหมื่นล้านบาท เพื่อให้บริการช่องรายการโทรทัศน์แข่งขันกัน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน ในการเลือกรับชมการจัดผังช่องรายการโทรทัศน์ที่มีความหลากหลาย แต่การออกกฎหมายของ กสทช. เพื่อบังคับให้ทุกโครงข่ายต้องจัดเรียงตำแหน่ง 36 ช่องแรกให้เหมือนกัน เป็นการจำกัดการแข่งขันของผู้ให้บริการแต่ละโครงข่าย และ เป็นการปิดกั้นไม่ให้ประชาชนมีทางเลือกในการรับชมช่องรายการโทรทัศน์ที่มีความหลากหลาย รวมทั้งเป็นการเลือกปฏิบัติ ทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เสรีและไม่เป็นธรรมระหว่างผู้ให้บริการช่องรายการโทรทัศน์ ในการหารายได้จากค่าโฆษณา
แม้กลุ่มโครงข่ายฯ จะได้อธิบาย โต้แย้ง หลายครั้งแต่ กสทช. ก็ไม่รับฟัง จึงจำเป็นต้องพึ่งศาลปกครองในปี 2558 เพื่อขอความเป็นธรรม จนศาลปกครองกลางตัดสินให้ กสทช. ต้องยกเลิกประกาศเรียงช่องฯ ดังกล่าว ในปี 2562 เพื่อคืนตำแหน่งช่อง 1-36 ให้กับโครงข่ายดาวเทียม และ โครงข่ายเคเบิลทีวี แต่ กสทช. ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ซึ่งคาดว่า จะมีการตัดสินคดีในช่วงปลายปี 2563 นี้
กลุ่มช่องดิจิตอลทีวี เกรงว่า ในช่วงปลายปี 2563 หากศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง จะมีผลทำให้ กลุ่มโครงข่ายฯต่างๆ ไม่ถูกบังคับให้เอาช่องดิจิตอลทีวี ไปจัดเรียงไว้ในตำแหน่งช่องที่ 1-36 เหมือนโครงข่ายดิจิตอลทีวีอีกต่อไป แต่จะสามารถจัดเรียงตำแหน่งช่องรายการโทรทัศน์บนโครงข่ายของตนเองได้โดยอิสระ เพื่อตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของสมาชิกของแต่ละรายได้ ซึ่งอาจจะส่งผลให้ตำแหน่งช่องดิจิตอลทีวี อาจถูกย้ายออกไปจากตำแหน่งเดิม
กลุ่มช่องดิจิตอลทีวี จึงต้องการให้ กสทช. ออกประกาศเรียงช่องฉบับใหม่ ก่อนที่ศาลปกครองสูงสุดจะตัดสินคดี เพื่อออกมาบังคับให้กลุ่มโครงข่ายฯกว่า 350 ราย จะต้องไม่เปลี่ยนแปลงตำแหน่งช่องดิจิตอลทีวี ที่ให้บริการบนโครงข่ายของตนเอง แม้ศาลปกครองสูงสุดจะตัดสินยืนตามศาลปกครองกลางก็ตาม ซึ่งกลุ่ม โครงข่ายดาวเทียม และ โครงข่ายเคเบิลทีวี มีความเห็นว่า กสทช. ไม่ควรรีบออกประกาศเรียงช่องฉบับใหม่ ก่อนที่ศาลปกครองสูงสุดจะตัดสินคดี เพราะ อาจแสดงให้เห็นว่า กสทช. มีเจตนาไม่เคารพคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด
ตามความเป็นจริง ถ้าการจัดเรียงตำแหน่งช่อง 1-36 ตามที่ กสทช. ได้ออกกฎหมายมาบังคับให้ โครงข่ายดาวเทียม และ โครงข่ายเคเบิลทีวีต้องปฏิบัติมากว่า 6 ปี เป็นการจัดเรียงตำแหน่งช่องตามความต้องการที่แท้จริงของประชาชนในทุกๆกลุ่ม ตามที่ กสทช. และ กลุ่มช่องดิจิตอลทีวีเคยกล่าวอ้างมาในอดีต ย่อมไม่มีผู้ให้บริการโครงข่ายรายใด กล้าเปลี่ยนแปลงตำแหน่งช่องรายการ ดิจิตอลทีวี เพราะ ในวันนี้ ประชาชนมีทางเลือกที่หลากหลาย และ มีความสะดวกที่จะเปลี่ยนไปใช้บริการจากโครงข่ายดิจิตอลทีวี หรือ ผู้ให้บริการโครงข่ายรายอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย ถ้าโครงข่ายที่ใช้บริการอยู่เดิม มีการจัดเรียงตำแหน่งช่องรายการ ที่ไม่ตรงตามความต้องการของผู้ใช้บริการ
มานพ โตการค้า นายกสมาคมโทรทัศน์ดาวเทียม(ประเทศไทย) / IPM 081-482-9000
เกษม อินทร์แก้ว ที่ปรึกษาสมาคมเคเบิลดาวเทียม(ประเทศไทย) 081-988-7289
สมพร ธีระโรจนพงษ์ PSI 081-912-5490
วิชิต เอื้ออารีวรกุล กลุ่มบริษัท เจริญเคเบิลทีวี 081-836-0550
นิรันดร์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม อินโฟแซท 061-445-3698
ชัยยุทธ ทวีปวรเดช MVTV 081-357-7426